อัพเดทข่าวบอลล่าสุด รวบรวมเรื่องราวความเคลื่อนไหวล่าสุด ของสโมสรลิเวอร์พูล

อัพเดทข่าวบอลล่าสุด

อัพเดทข่าวบอลล่าสุด กระเเสวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ ล่าสุดของแบ็คตัวจี๊ดของหงส์แดงอย่างมาเน่

อัพเดทข่าวบอลล่าสุด วันนี้จะพามาอัพเดท เรื่องราวที่น่าสนใจ ของวงการฟุตบอล ในต่างประเทศ เเละความเคลื่อนไหวล่าสุด ของศึกลูกหนัง

ทางฝั่งอังกฤษ กีฬาวันนี้ ที่มีแฟนบอล กำลังให้ความสนใจ กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น กันอยู่เป็นจำนวนมาก โดยในวันนี้ จะมาพูดถึงเรื่องของแบ็คตัวเก๋า

อัพเดทข่าวบอลล่าสุด

ของสโมสรลิเวอร์พูลอย่าง ซาดิโอ มาเน่ สุดยอดนักเตะระดับโลก ที่ล่าสุดได้มีข่าววงใน ได้ออกมาเปิดเย ถึงเส้นทางชีวิตในการค้าเเข้ง ว่าตัวเขานั้น

กำลังจะร่ำลา ออกจากถิ่นแอนฟิลด์ เละยังมีการเปิดเผยอีกว่า เจ้าตัวลงเล่นให้กับทีมนัดสุดท้ายไปแล้ว นั่นคือนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีก

ที่พบกับเรอัลมาดริดวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ข่าว ทีม พรีเมียร์ลีก ล่าสุด ซึ่งเจ้าตัวนั้น ได้เปิดเผยเเล้วว่า เขาต้องการย้ายทีมในช่วง

ซัมเมอร์นี้ ถึงเเม้ว่าเจ้าตัวจะเหลือสัญญาอีกปีก็ตาม เขาต้องการออกไป หาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในเส้นทางฟุตบอลอาชีพของเขา โดยเจ้าตัวมาเน่นั้น

ประสบความสำเร็จมากมาย ในถิ่นแอนฟิลด์ ไม่ว่าจะเป็น เเชมป์พรีเมียร์ลีก ,แชมป์เอฟเอคัพ แชมป์ลีกคัพ ยูฟ่าแชมป์เปยนส์ลีก และรองเเชมป์ยูฟ่าล่าสุด

ซึ่งเจ้าตัวนั้น ได้ลงเล่นให้กับ สโมสรไปแล้วรวม 6 ฤดูกาล สังหารประตูไปทั้งหมด 120 ประตู นับตั้งเเต่ย้ายมา จากเซาแธมป์ตัน มาร่วมทัพกับหงส์แดง

ในปี 2016 นั่นเอง และยังมีกระเเส มากมายเกี่ยวกับเจ้าตัว ไม่ว่าจะเป็นเจอร์ราดพูดถึงเขา รวมไปถึงสโมสร ต้องการหานักเตะ มาเสริมทัพแทน และกระเเสวิจารณ์อื่น ๆ มาติดตามกันได้เลย

อดีตแข้งหงส์แดงอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด นายใหญ่แอสตันวิลล่า ถึงกับออกมาเปิดใจเกี่ยวกับการย้ายทีมของปีกตัวจี๊ดรายนี้

รายงานล่าสุดได้เปิดเผย เกี่ยวกับเรื่องราว ของอดีตกองกลางหงส์แดง อย่างเจอร์ราร์ด ที่ได้ออกมาเปิดใจ ถึงปีกตัวเก่งอย่างมาเน่ ซึ่งเจ้าตัวยังคงค้างคาใจ

และไม่เข้าใจถึงสาเหตุ ที่เเท้จริงกับมาเน่ ที่อยากร่ำลาไปจากถิ่นแอนฟิลด์ โดยเจอร์ราดมองว่า ในเวลานี้สโมสรเป็นทีมที่ มีฟอร์มที่ร้อนเเรง แข็งแกร่งอย่างมาก

ข่าวเกี่ยวกับกีฬา ล่าสุด มีโอกาสลุ้นเเชมป์มากมาย ไปจนถึงฤดูกาลหน้าเลยด้วยซ้ำ ซึ่งเจอร์ราร์ดได้ออกมายอมรับ ถึงเหตุการณืที่เกิดขึ้น เเละยังคงไม่เข้าใจ

ว่าเพราะเหตุใด ทำไมถึงมีข่าวออกมา เยอะแยะมากมาย ว่ามาเน่ แข้งวัย 30 ปี จากประเทศเซเนกัล ที่มีความต้องการ ที่จะย้ายทีม เพราะเขามองว่าชั่วโมงนี้

อัพเดทข่าวบอลล่าสุด

ทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม กับเหล่าขุนพลชุดนี้ แข็งเเกร่งมากจริง ๆ ต้องบอกเลยว่า ทัพหงส์เเดง ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง และมีความโดดเด่น

มาหลายฤดูกาล ติดต่อกันจนมีการขนานนามว่า เป็น 1 ในทีมที่ดีที่สุด ของลูกหนังเกาะอังกฤษ แถมฤดูกาลนี้ พวกเขาทำผลงาน จนสามารถเข้าไป

ลุ้นเเชมป์ ถึง 4 รายการเลย พรีเมียร์ลีก เเชมป์เปียนส์ลีก คาราบาวคัพ และเอฟเอคัพ แต่สุดท้ายพวกเขาได้มาครอบครองสองเเชมป์ นั่นคือคาราบาวคัพ

และเอฟเอมาครอง จบอันดับที่สองในพรีเมียร์ลีก และรองเเชมป์ยูฟ่า ถึงแม้ว่ามาเน่ มีข่าวออกมามากมาย เกี่ยวกับการออกจากถิ่นตอนนี้ และยังมีข่าวล่าสุดเผยว่า

ทัพเสือใต้ บาเยิร์นมิวนิค ยอดทีมจากบุนเดสลิก้า ต้องการคว้าตัวมาร่วมทีม ในซีซั่นหน้าอีกด้วย โปรแกรมบอล อย่างไรก็ตามนายใหญ่วิลล่า ยังเปิดเผยอีกว่า

“ซาลาห์ ได้ออกมาประกาศ ไปแล้วว่าเขานั้น ยังอยู่ถิ่นแอนฟิลด์ต่อไปในซีซั่นหน้า ผมรู้ดีว่ามันมีข่าวออกมาบ้าง เกี่ยวกับมาเน่ แต่ทำไมคุณถึงอยากจะย้าย

ออกจาก ลิเวอร์พูลในชุดนี้ด้วย ทั้งที่คุณก็รู้ดีว่า พวกเขาจะมีลุ้นแชมป์ ไปจนถึงท้ายฤดูกาลหน้าเเท้ ๆ “ เจอร์ราร์ดกล่าวทิ้งท้าย

อัพเดทข่าวบอลล่าสุด คาดการณ์แผนการเล่นใหม่ของนายใหญ่เจอร์เก้น คล็อปป์ หากไม่มีมาเน่

อัพเดทข่าวบอลล่าสุด กุนซือพลพรรคหงส์แดงอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ เตรียมวางหมากใหม่ หลังจากมาเน่ไม่อยู่แล้ว ให้ทีมมีความสมบูรณ์แบบที่สุด

เพื่อไล่ล่าเเชมป์ในซีซั่นต่อไป อย่างที่รู้ ๆ กันเเล้วว่าปีกตัวเก่ง กำลังจะอำลาทีม หลังจากมีข่าวออกมามากมาย ทำให้นายใหญ่จึงมีการ เตรียมระบบการเล่นใหม่

เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น โดยก่ินหน้านี้ สามประสานตัวเก่งอย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และมาเน่ ทั้งสามเเข้งระเบิดสกอร์ร่วมกันไป 374 เม็ด

เเต่ในซีซั่นหน้าสามประสานนี้ อาจจะอยู่ไม่ครบเพราะมาเน่ เตรียมจะไปแล้ว จึงทำให้ทีมจึงมีการ วางหมากใหม่ซึ่งคาดว่า กุนซืออย่างคล็อปป์ อาจจะดันให้

ดีโอโก้ โชต้า และหลุยส์ ดิอาซ ดันขึ้นมาเป็นเเนวรุก เป็นตัวเเทนของมาเน่ เเต่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น ข่าวลิเวอร์พูล ซึ่งก็มีข่าววงในเปิดเผยว่า ทีมกำลังเตรียม

อัพเดทข่าวบอลล่าสุด

จะคว้าตัวนักเตะมาร่วมทัพ ในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อเสริมความเเข็งเเกร่งให้กับทีม ซึ่งที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในเวลานี้ ก็จะมีอยู่สองนักเตะ โดยคนเเรกเป็น

ดาร์วิน นูนเญซ แข้งจากสโมสรเบนฟิก้า ที่เหล่าขุนพลหงส์เเดง เคยลงฟาดเเข้งกับเขามาเเล้ว ในแชมปเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศที่นูนเญซ

ระเบิดฟอร์ม ไว้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งแข้งรายนี้ในวัย 22 ปี จากอุรุกวัย เป็นที่หมายตาของลิเวอร์พูล ที่จะดึงตัวมาร่วมทัพ แทนที่มาเน่ แต่ก็ต้องมาติดตาม

กันต่อไปว่า ดิีลนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ ส่วนอีกรายที่หงส์เเดง เล็งเป็นเป้าหมาย ที่จะคว้าตัวมานั่นคือ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ เด็กน้อยมหัศจรรย์ ในวัยเพียง 19 ปี

กองกลางดาวรุ่ง ที่โชวฟอร์มไว้อย่างยอดเยี่ยม กับสโมสรฟูเเล่ม โดยการกดไป 10 ประตู และอีก 9 แอสซิสต์ ย้ำว่าตำแหน่งกองกลางนะ คาดการณ์ไลน์อัพ

ในซีซั่นหน้า ฟุตบอลวันนี้ นั่นคือ ฟีร์มีโน่ ยืนเป็นตำแหน่ง เพลย์เมกเกอร์ และส่งดาร์วิน นูนเญซ ยืนรอล่าตาข่ายในแดนหน้า และกล้าที่จะส่งดาวรุ่ง

อย่างคาวัลโญ่ลงสนาม เป็น 11 ตัวจริง เชื่อว่าบันเทิงแน่นอน แต่ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น เชื่อว่าซีซั่นหน้า ของศึกฟุตบอล แห่งเกาะอังกฤษ มีทีเด็ดให้เห็นอย่างแน่นอน

พลพรรคหงส์แดงอยากได้ตัวซน ฮึง มิน หัวหอกจากไก่เดือยทองมาเสียบแทนมาเน่

ซึ่งมีข่าวให้เห็นอยู่บ้าง กับหงส์แดงที่มีความต้องการ ที่จะคว้าตัวดาวยิง จากสเปอร์สอย่าง ซน ฮึง มิน มาประจำการเเทนมาเน่ ที่กำลังจะลาทีม โดยสื่อใหญ่

จากเกาะอังกฤษ ข่าวสด ได้ออกมาเปิดเผยว่า ลิเวอร์พูลได้พบตัวเเทน ของมาเน่คือซน ซึ่งเป็นที่หมายตา ของทัพหงส์เเดงอย่างมาก แต่เป็นเพียงเเค่ข่าวลือเท่านั้น

ด้วยความที่ว่า สเปอร์สต้นสังกัดของซน ที่ทำผลงานไว้ ในศึกพรีเมียร์ลีก จนสามารถคว้าตั๋ว ไปสู้ศึกแชมปเปียนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า แถมยังมีอันโตนิโอ คอนเต้

นายใหญ่สเปอร์ส ที่นั่งเเท่นบัญชาการทีมต่อไปด้วย ซึ่งการที่จะดึงตัวซนมาร่วมทัพ โอกาสความเป็นไปได้ นั้นมีน้อยมาก ๆ ทีซนจะมาร่วมก๊วนกับ พลพรรคหงส์แดง

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ต้องมาคอยติดตามกันต่อไปว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นจะมีอะไรที่เซอร์ไพร๊แฟนบอลรึเปล่า เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ในวงการฟุตบอล ข่าวแมนยู

ที่ความน่าตื่นเต้น ให้ลุ้นอยู่ตลอดเวลา หากอยากติดตาม เรื่อราวความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ข่าวสารที่น่าสนใจ สามารถติดตามได้ที่ บทความกีฬาที่น่าสนใจ

 

 

chawaylong

เกร็ดความรู้ทั่วไป Justin Kluivert เด็กมหัศจรรย์ตำนานบทใหม่แห่งสีส้มยุคใหม่

เกร็ดความรู้ทั่วไป

เกร็ดความรู้ทั่วไป Justin Kluivert เด็กมหัศจรรย์ตำนานบทใหม่แห่งตระกูล แดนกังหันลม

เกร็ดความรู้ทั่วไป ในชีวิตของเราทุกคนย่อมมีเรื่องน่าสนใจ ซึ่งทางUFAX10 เราพร้อมสร้างสรรค์ content ที่มีคุณภาพเสมอ และที่สำคัญต้องค้นหาง่าย บทความกีฬาที่น่าสนใจ วันนี้ก็เช่นกัน

ที่ผ่านมาเราทำตั้งแต่หัวข้อ เกร็ดความรู้สั้นๆ เกี่ยวกับสุขภาพ ที่เข้าถึงคนส่วนมาก ทั้งหญิงชาย หรือลูกเด็กเล็กแดง เพื่อให้ความรู้ สร้างประโยชน์ให้กับผู้อ่าน หรือไล่ไปตั้งแต่หัวข้อเกร็ดความรู้ อย่างเช่นความรู้ทั่วโลกอย่าง เกร็ดความรู้รอบโลก จนถึง เกร็ดความรู้สั้นๆ 2563เกร็ดความรู้สั้นๆ 2564

เราก็ทำให้อ่านไล่มาทุกปี หรือจะหากันในหัวข้อ สาระน่ารู้ เรื่องใกล้ตัว 2021 หรือ สาระน่ารู้สั้นๆ 2022 ยันบทวามเรื่องแปลกอย่าง เกร็ดความรู้รอบตัว แปลก ๆ เราก็มีให้ท่านอ่านครับ แต่วันนี้สำหรับ Content ของผมวันนี้ก็เช่นกัน

ผมก็มาแนวสีส้มเช่นเคย แต่วันนี้จะเจาะลึกกับนักเตะแดนกังหันลม รุ่นใหม่คนหนึ่ง ซึ่งคุณพ่อของเขา คืออดีตศูนย์หน้าฮอลแลนด์ ที่เป็นที่จดจำเรื่อง ไสตล์ความคมในการเข้าทำประตู หากแต่ว่าลูกชายเขา

เล่นคนละไสตล์กับคุณพ่ออย่างสิ้นเชิง อาจไม่ได้ตัวสูงเท่าคุณพ่อ เข้าฮอสคมกริบ แต่จุดเด่นของเด็กคนนี้ก็คือ การเลี้ยงบอลที่ติดเท้า ความคล่องตัวที่มีสูงมาก เด็กหนุ่มคนนี้ถือว่าเป็น Wonder Kid ของทีมชาติ ฮอลแลนด์ อีกคน เรื่องที่มีประโยชน์ น่าสนใจ เริ่มขึ้นตั้งแต่นี้

เกร็ดความรู้ทั่วไป

เกร็ดความรู้ทั่วไป เด็กหนุ่มผู้พร้อมทะยานให้ไปไกลกว่าพ่อ Patrick Kluivert

หากใครรู้จักพ่อของจัสตินอยู่แล้ว ก็จะพอเห็นหน้าตาพ่อเขา ผ่านทางโซเชียล หรือยูทูปไม่มากก็น้อย แล้วพอคุณกลับมาดูรูปของ Justin  ก็ต้องบอกเลยว่า แทบจะถอดแบบคุณพ่อมาเต็มๆ

เพียงแต่มีรูปร่างสันทัด ไม่สูงโปร่งเท่าคุณพ่อ แต่ใบหน้านี่พิมพ์ตรงมากแน่นอน ส่วนที่น่าทึ่งอีกอย่างคือ ลูกมีลีลาการลากเลื้อย ที่เลี้ยงบอลติดเท้ากว่าคุณพ่อมาก ซึ่งในตอนเล่นกับทีมเยาวชนของ Ajax Amsterdam

ด้วยฟอร์มการเล่น ที่แทบจะสามารถเลี้ยงหลบคนทั้งทีม ในวัยเดียวกัน เพียงแค่อายุ 17 ปี เขาก็สามารถขึ้นมาลากเลื้อย ในทีมชุดใหญ่ได้แล้ว ซึ่งเป็นความสามารถล้วนๆ เส้นคุณพ่อน่าไม่ได้ช่วยมากมาย

แต่เด็กคนนี้โหดจริงๆ หลังที่ขึ้นชุดใหญ่ นัดแรกเขาก็ทำเสมือนว่า เขาเล่นลีกสูงสุดมานาน เด็กคนนี้ เลี้ยงบอลหลบคู่ต่อสู้ ที่อายุห่างราวพ่อ จนแนวรับฉีกขาดอย่างกับปุยนุ่น หรือกระดาษทิชชู่ก็ว่าได้

ซึ่งเขาสามารถรักษาฟอร์ม และมาตรฐานมาได้ต่อเนื่อง จนสื่อต่างประเทศเริ่มพูดถึงชื่อเขา หลายสโมสรก็เริ่มชี้เป้า แมวมองเริ่มมาสังเกตุฟอร์มเขา จนทีมยักษ์ใหญ่มาขอซื้อตัวมากมาย

แต่พ่อของเขาแนะนำให้เขาไปเริ่มต้นกับ สโมสรระดับกลาง หรือไม่ใหญ่มาก เพื่อให้มีโอกาสได้ลงเล่น เขาจึงเลือก AS Roma ทีมหมาป่าแห่งกรุงโรม ในประเทศอิตาลี ซึ่งขนาดลีก Calcio Seria A ที่เป็นลีกสูงสุดของอิตาลี

ซึ่งถือเป็นลีกที่ขึ้นชื่อเรื่องการเล่นเกมรับ การเล่นตุกติก เขี้ยวลากดินที่สุดลีกหนึ่งในโลก แต่ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มคนนี้ ก็ยังทำได้ดี และสามารถเอาตัวรอดได้ แถมยังสร้างผลงานได้มาตรฐาน ทำได้ดีด้วย

เกร็ดความรู้ทั่วไป

จิตใจที่แข็งแกร่ง ภายใต้เด็กหนุ่มวัยไม่ถึง 20ปีดี แต่นิ่งเหมือนผ่านร้อนหนาวมามากมาย

สิ่งที่ผมติดตาม และดูการเล่นของเจ้าหนุ่มคนนี้ ผู้เขียนสัมผัสได้ถึง การสอนให้เป็นคนเข้มแข็งจากรุ่นพ่อ ผมไม่รู้หรอกว่าพ่อเขาสอนอะไร แต่เหมือนเป็นคนที่ได้รับการสอน สอนให้มั่นใจในตนเอง ใช้สติและคิดทุกการเผชิญหน้า

เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ดี ดุมีบุคลิกภาพที่โตกว่าวัย ซึ่งพ่อเขาอาจจะสอนก้ได้ว่า ให้ดูความผิดพลาดของพ่อ และต่อเติมจุดด้อย อะไรที่พ่อด้อยลูกต้องเสริมมัน ที่สำคัญพ่อของจัสติน

เติบโตมาจากครอบครัวยากจน ตอนเด็กพ่อของจัสตินต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบแออัด ซึ่งประสบการณ์การต่อสู้ น่าจะนำมาถ่ายทอดให้จัสติน เพื่อให้รับรู้และเข้าใจว่า โลกมันโหดร้าย ถ้าลูกไม่เข้มแข็ง โลกไมได้มีพื้นที่ให้ขี้แพ้

นั่นน่าจะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มาก ให้กับจัสตินหรือลูกรักคนโตของ Parick Kluivert ซึ่งรุ่นพ่อ มีจิตวิญญาณที่ไม่ยอมใคร ตั้งแต่เด็กและสมัยเป็นนักเตะ หลายครั้งแพทริคมีข้อบกพร่อง เรื่องการควบคุมอารมณ์

แต่จัสตินดูจะนิ่งและสุขุมกว่า ผมถึงมั่นใจว่าการเลี้ยงดู การสั่งสอนอบรม การให้ข้อมูลที่ดี รวมถึงตัวเด็กเอง ส่งผลให้หล่อหลอมจัสติน ให้เป็นคนมีคุณภาพแบบนี้ และผลงานในสนาม คือการตกผลึกจากสิ่งเหล่านี้

ถึงแม้ว่านักเตะพเนจรไฟแรงผู้นี้ จะอยู่กับโรม่าแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่มันก็ออกมาแบบมีศักดิ์ศรี และสวยงาม สุดท้ายเขาแวะค้าแข้งที่เยอรมันอยู่พักหนึ่ง ในเวลาสั้นๆ แล้วย้ายต่อมาเล่นจริงจังอีกครั้ง

ที่ฝรั่งเศสกับสโมสรชื่อดัง นีส OGC Nice แล้วก้เช่นเดิม เขาสามารถกระชาก เลี้ยงบอลทีผ่านได้ 2-4 คน แต่มันก็ยังมีบางอย่างที่เขา ยังไม่ถึงขั้นเมสซี่ อาจจะเพราะความเด็ดขาด มองเกมการณ์ไกลมากพอ

แต่สิ่งเหล่านี้คงไม่ยาก เพราะยังมีเวลาให้เขาบ่มเพาะอีกเยอะทีเดียว ซึ่งผุ้เขียนเชื่อว่า เด็กคนนี้ จะไปไกลกว่า Ibrahim Affelay ดาวเตะอดีตดาวรุ่งฮอลแลนด์ ที่เคยมีคนคาดหวัง และไสตล์การเล่นละม้ายคล้ายกัน

แต่ผมมองว่า จัสตินคือของจริงกว่า เพราะพิสูจน์ได้จาก มาตรฐานการเล่น การไปอยู่ทีมระดับโรม่า นั่นหมายความว่า ถ้าคุณไม่แน่จริง ก็ยากที่จะอยู่ และสามารถแย่งตำแหน่งในการลงเล่นได้

เขาเป็นคนหนึ่งที่บอกยากว่า เป็นกองกลางตำแหน่งไหนกันแน่ จะปีกก็ไม่เชิง กองหน้าก็ไม่ใช่ โดยส่วนคิดว่านี่เป็นหนึ่งปัญหา ที่หลายทีมสนใจ แต่การเล่นของเขา ทำให้ยากที่จะวางแทคติกชัดเจน

เกร็็ดความรู้ทั่วไป : จัสติน ไกลเฟิร์ต (ดัตช์: Justin Kluivert; เกิด 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1999) เป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์ เนเธอร์แลนด์ ลูกชายคนโตของ แพทริก ไกลเฟิร์ต ตำนานกองหน้าของสโมสรอายักซ์ซึ่งเป็นผู้ทำประตูชัยให้อายักซ์ชนะเอซี มิลานด้วยคะแนน 1–0 ใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศเมื่อ ค.ศ. 1995.

เกร็็ดความรู้ทั่วไป ผู้เขียนตำนานบทใหม่ให้นามสกุลไคลเวิร์ต

ซึ่งแท้จริงแล้ว เขายังมีน้องชายตัวจิ๋ว ที่กำลังดังในยูทูป เพราะเป็นนักบอลเช่นกัน ที่สำคัญลีลาการเล่น โดดเด่นกว่าเพื่อนในวัยเดียวกันอีกแล้ว สักวันคุณต้องตามจับตาดู Quincy Kluivert

เหมือนที่เราชื่นชมและเฝ้ามอง Justin  แน่นอนและนี่ก็น่าจะเป็น ตำนานบทใหม่ ให้กับตระกูลนามสกุลของเขา ผู้เป็นพ่อย่อมภูมิใจแน่นอน ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ตำนานนักฟุตบอลหนึ่งคน

จะมีลูกชายที่มีแววจะทำได้แบบพ่อ และชนะความกดดันกว่ารุ่นพ่อ แพทริคอาจเคยเป็นนักเตะอารมณ์ร้อน แต่ในวันนี้เขาเป็นโค้ชที่สุขุม และดูนิ่งมากขึ้น รวมถึงเป็นคุณพ่อที่ดี โค้ชชิ่งให้ลูกได้ด้วย รวมถึงสั่งสอนบ่มเพาะลูกชายได้ขนาดนี้

อาจจะเพราะรุ่นพ่อ ต้องต่อสู้ ปากกัดตีนถีบกว่าจะมีวันนี้ รุ่นลูกได้รับการถ่ายทอด และเห้นคุณค่าในโอกาส เส้นทางที่รุ่นพ่อสร้างมา หล่อหลอมให้เด็กเข้มแข็ง จิตใจที่แข็งแกร่ง และผมเชื่ออีกเรื่องเป็นอย่างยิ่งว่า

เขาต้องให้ความรักความอบอุ่น มากกว่าที่เขาเคยได้ เพราะพ่อทุกคนที่เคยขาดอะไร ก็อยากจะเติมเต็มให้ลูก ผลักดันให้ลูกจนถึงที่สุด หากมีโอกาส และมีกำลังมากพอ ในวันนี้ผู้เขียนขอบคุณ Patrick

ที่สร้างดาวดวงใหม่ ที่น่าชื่นชมออกมาได้อย่าง Justin  กับ Quincy  มันช่างเป็นสีส้มที่ งดงามเหลือเกิน แต่แฝงไปด้วยความเข้มแข็ง

“เด็กเนิร์ดสีส้ม”

 

ประวัตินักบอล roberto carlos สุดยอดแบ็กซ้ายฝีเท้าระดับพระกาฬ จากบราซิล กับฝีเท้าที่ไม่ธรรมดา 

ประวัตินักบอล

ประวัตินักบอล สุดยอดแบ็กซ้ายฝีเท้าระดับพระกาฬ จากบราซิล Roberto Carlos da Silva Rocha

ประวัตินักบอล สวัสดีครับเพื่อน ๆ ผู้ติดตามที่น่ารักทุก ๆ คน วันนี้ผมมีเรื่อง จะมาพูดถึง นักเตะระดับโลก 1 คน ซึ่งต้องบอกก่อนว่า นักเตะคนนี้ มีฝีเท้าที่รุนแรง จนถึงในปัจจุบันนี้ ยังไม่มีใครสามารถ เทียบฝีเท้า กับเขาคนนี้ได้

และนักเตะที่จะมาพูดถึง ในวันนี้ก็คือ Roberto carlos หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า โรแบร์ตู การ์ลุส ดา ซิลวา รอชา แบ็กซ้ายชาวบราซิล ที่ต้องบอกเลยว่า ในยุคหนึ่ง เชื่อว่าคงไม่มีใคร ไม่รู้จักเขาคนนี้ ประวัติ นักฟุตบอลที่มีชื่อเสียง

จุดเด่นมีให้เห็นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความเร็วในการวิ่ง ลูกฟรีคิกที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้ ที่ผลงานต้องบอกเลยว่า ที่สุดของที่สุด ขึ้นชื่อว่าเป็นแบ็กซ้าย ที่ตัวเล็กที่สุด และดีที่สุดคนนึงของโลก ในวันนี้ทางเราจะ มารวบรวมข้อมูล

เรื่องราวของนักเตะคนนี้ มานำเสนอให้กับทุก ๆ ท่าน ได้รับรู้ข้อมูล เกี่ยวกับนักเตะคนนี้ พร้อมแล้วมาติดตามกันได้เลย ประวัติ นักฟุตบอล ระดับโลก

โรแบร์ตู การ์ลุส ดา ซิลวา รอชา ก้าวเข้าสู่ฟุตบอลอาชีพในปี 1990  

roberto carlos เป็นนักเตะระดับตำนาน ที่ยังคงตราตรึงใจ แฟนบอลมากหน้าหลายตา โรแบร์โต้ คาร์ลอส เขาเกิดวันที่ 10 เมษายน 1973 ณ ประเทศบราซิล รัฐเซาเปาโล ปัจจุบันเขามีอายุ 49 ปีแล้ว เขานั้นเริ่มก้าวเข้าสู่ วงการฟุตบอลอาชีพ

ในช่วงปี 1990 กับสโมสร União São João เป็นสโมสรท้องถิ่น ในประเทศบราซิล แต่เขาใช้เวลาค้าเเข้ง อยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ก่อนที่เขาจะย้ายไปเล่น กับทีมใหญ่ในยุคนั้นอย่าง พัลไมรัส ในปี 1990 เช่นเดียวกัน เขาค้าเเข้งอยู่ในบราซิลเป็นเวลา 4 ปี

ก่อนที่จะย้ายไปร่วมเล่นให้กับ สโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน ในช่วงฤดูกาล 1994 แต่ทว่า เจ้าตัวนั้น ได้อยู่กับมิลาน เพียง 1 ปีเท่านั้น ก่อนจะย้ายไปซบ สโมสรยักษ์ใหญ่ ทางฝั่งสเปนอย่าง เรอัลมาดริด ต้องบอกว่า มาดริดนี่แหละ

ประวัตินักบอล

ที่ทำให้ เขานั้นประสบความสำเร็จสุด ๆ กับการเล่นให้กับสโมสรนี้ โดยการที่พาทีม คว้าเเชมป์ถึง 3 สมัย จากการลงเเข่ง รายการใหญ่ในยุโรปอย่าง ยูฟ่าเเชมป์เปียนส์ลีก ปี 1998 ปี 2000 และในปี 2022 แต่ยังไม่จบแค่นั้น

เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีก ได้อีก 4 สมัย เริ่มตั้งแต่ปี 1997 ปี 2001 ปี 2003 และในปี 2007 ถือว่า โรแบร์ตู คาร์ลอส เป็นนักเตะคนสำคัญของทีม เรอัลมาดริด ในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ เจ้าตัวอยู่กับมาดริด มานานถึง 11 ปี

จากการลงเล่นทั้งหมด 584 นัด รวมทุกรายการ และสามารถสังหารประตูไปได้ 71 ประตูอีกด้วย เป็นแบ็คซ้ายที่ ไม่ต้องพูดอะไรเยอะเลย การันตรีจากผลงาน นั่นเอง เป็นกองหลัง ที่ยิงประตูได้เยอะพอสมควร ประวัตินักบอล

หลังจากนั้น เจ้าตัวได้ทำการย้ายทีมอีกครั้ง โดยย้ายไปเล่นให้กับ เฟเนร์บาห์เช่ และคาลอสก็ได้ตัดสินใจ ในปี 2012 กับการแขวนสตั๊ดครั้งแรก ที่อันจีมาคัชคาลา แต่ต่อมาในปี 2015 เจ้าตัวก็ได้เซ็นสัญญานักเตะ

และสัญญาผู้จัดการทีมเดลีไดนาโมส เป็นลีกที่อยู่ที่ประเทศอินเดีย และสโมสรนี้ ก็คือที่สุดท้ายของตำนานแบ็กซ้าย ก่อนที่เขาจะตัดสินใจ หยุดพักชีวิตค้าเเข้งลงนั่นเอง นักฟุตบอลที่มีชื่อเสียง 

ประวัตินักบอล แบ็กซ้ายระดับตำนานจากบราซิล กับรางวัลที่เขาได้รับมา

ประวัตินักบอล ตลอดชีวิต การค้าแข้งของ roberto carlos ที่ทำผลงานได้ อย่างยอดเยี่ยม จากหลาย ๆ สโมสร ตัวเขาได้คว้ารางวัล มาแล้วมากมาย กับสโมสรต้นสังกัด ไม่ว่าจะเป็น แชมป์คอนเฟเดอร์เรชั่นคัพ ในปี 1997

แชมป์โคปา อเมริกัน ในปี 1997 / 1999 และรายการใหญ่อย่าง เเชมป์ฟุตบอลโลก ในปี 2002 / รอบชิงชนะเลิศ ในปี 1998 และเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายในปี 2006 กับประเทศบราซิลนั่นเอง

ประวัตินักบอล

ต่อมามาดูรางวัลการค้าเเข้ง ให้กับสโมสรของแบ็กซ้ายคนนี้ ว่ามีอะไรบ้าง เริ่มจาก แชมป์ลาลีกาสเปน 4 สมัย , ยูฟ่าแชมป์เปียนส์ลีก อีก 3 สมัย , แชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก อีก 2 สมัย แชมป์ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนลีกปี 1998 /2000/2002

แชมป์อินเตอร์คอนติเน็นทอล คัพ ในปี1998/2002 ,แชมป์เซา เปาโร แชมเปี้ยน ชิพ ในปี 1993/1994 แชมป์ริโอ แอนด์ เซา เปาโร สเตท แชมเปี้ยน ชิพ ในปี 1993 ,แชมป์บราซิลเลียน แชมเปี้ยน ชิพ ในปี 1993/1994

สเปนนิช แชมเปี้ยน ชิพ ปี 1997/2001/2003/2007 ,ยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ คัพ ปี 2002 ,สเปนนิช ซุปเปอร์ คัพ ปี 2003 และสเปนนิช ซุปเปอร์ คัพ ปี 2003 นั่นเอง ประวัตินักบอล

กองหลังที่ตัวเล็ก แต่พละกำลังในการยิงฟรีคิกทะลุทะลวงที่ตราตรึงใจแฟนบอล

ตลอดชีวิตการค้าเเข้งของ โรแบร์ตู คาร์ลอส แบ็กซ้ายตัวจิ๋ว แต่หารู้ไม่ว่าเห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้ ถ้าเกิดได้ลูกฟรีคิกเมื่อไหร่ ถือว่าโชคร้าย ของนายทวารหลาย ๆ คนที่จะต้องมารับลูกฟรีคิกของ คาร์ลอส ด้วยความที่มันแรงมาก ๆ นักบอลดังๆ

ช่วงปี 2002 คาร์ลอส ได้รับรางวัล รางวัลนักฟุตบอล กองหลังยอดเยี่ยมของยูฟ่า ซึ่งจะมีลูกยิงระดับตำนานอยู่  1 ประตู เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว นั่นก็คือ บานาน่าชู๊ต เป็นเกมที่บราซิล พบกับ ฝรั่งเศษ 

ประวัตินักบอล

ถือเป็นลูกยิงในประวัติศาสตร์ ของวงการลูกหนังเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยความแรง ความไซต์ของลูกบอล ที่ไม่มีใครสามารถทำแบบนี้ได้ นอกจาก โรแบร์ตู คาร์ลอส คนเดียวเท่านั้น และยังคงพูดถึงกันจนถึงปัจจุบันนี้นี่เอง

ทั้งนี้เจ้าตัวเคยได้รับรางวัล นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟีฟ่า ปี 1997 อีกด้วย ก็ถือว่าเป็นนักเตะ ที่มีประสบการณ์มากมาย ที่ยังคงเป็นที่ประทับใจ ของแฟนบอล จนถึงยุคปัจจุบันนี้นี่เอง

เป็นยังไงกันบ้างสำหรับ ข้อมูลของ ประวัตินักบอล roberto carlos คนนี้ ที่ทางเราได้นำข้อมูล มาให้ทุกท่านได้ติดตาม สามารถติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ บทความกีฬาที่น่าสนใจ

 

 

“ชเวลองมองอย่างเซียน”

ข่าวกีฬารอบโลกวันนี้ Top 10 Playmaker บาสเกตบอล NBA 2022

ข่าวกีฬารอบโลกวันนี้

ข่าวกีฬารอบโลกวันนี้ Top 10 Playmaker Basketball NBA ฤดูกาล 2021-2022 พร้อมสถิติ และ แต้มเฉลี่ย จะมีใครกันบ้าง ?

ข่าวกีฬารอบโลกวันนี้ ใน NBA นั้น แต่ละทีมก็จะมีผู้เล่น ที่เรียกว่าเป็น ซุปเปอร์สตาร์ ของทีม ตัวแบกของทีม หรือตัวที่สโมสร สามารถฝากความหวังไว้กับเขาได้ วันนี้เราจะมารวม 10เพลเมคเกอร์ ที่ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ พร้อมรายละเอียดเล็กน้อย ๆ มาให้ทุกๆท่านได้อ่านกันสนุก ๆ

ดูบาสสดออนไลน์

10 : Ja Morant จาก Memphis Grizzlies

จา มอแรนท์ มีสถิติทำแต้มเฉลี่ยปีนี้สูงถึง 27.6 คะแนน 5.8 รีบาวน์ และ 6.6 แอสซิสต์จาเนี่ยอาจจะไม่เหมือน เพลเมคเกอร์คนอื่นๆ เพราะส่วนใหญ่ เขาจะเน้นการทะลวงเข้าห่วงเล่น แบบ Isolation ซะมากกว่า แต่ก็สามารถไดร์ฟเข้าห่วง และจ่ายออกมาให้เพื่อนได้

ดูบาสสด

9 :  Dejounte Murray จาก San Antonio Spurs

เมอร์เรย์ มีสถิติอยู่ที่ 20.5 คะแนน 8.4 รีบาวน์ 9.4 แอสซิสต์ ในตอนนี้ เมอร์เรย์ นั้นถือเป็นเดอะแบกของ สเปอร์ส เลยก็ว่าได้ เด่นในเรื่อง Iso การดวล 1-1 และการเล่น Pick And Roll ก็ถือว่าเข้าขั้น ดีเลยทีเดียว

พนันบอลออนไลน์

8 : Lamelo Ball จาก Chalotte Hornets

บอล มีสถิติอยู่ที่  19.7 คะแนน 6.9 รีบาวน์ 7.3 แอสซิสต์ ลาเมโล่ นั้นถือเป็นนักบาส ที่มีพรสวรรค์ ในเรื่องการจ่ายบอล และ Vision ในสนามที่ดีมากๆ เรียกได้ว่าถ้าเล่นต่อไปเรื่อย ๆ เขาอาจจะเป็นคนที่จ่ายบอล ได้ดีที่สุด หนึ่งคนในลีกเลยก็ว่าได้ เพราะนี่คือฤดูกาลที่ 2 ของเขา เท่านั้นเอง

นักบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ ระดับ เพลเมคเกอร์ อันดับ 7-5 

ข่าวกีฬารอบโลกวันนี้

7 : Darius Garland จาก Cleveland Cavaliers

การ์แลนด์ มีสถิติอยู่ที่ 20.6 คะแนน 3.3 รีบาวน์ 8.1 แอสซิสต์ การ์แลนด์ ในปีนี้ถือว่ามายกระดับของ คาวาเลียร์ ให้อยู่ในพื้นที่ Playoff แบบหักปากกาเซียน เขาโดนเด่นทั้งเรื่อง การเลี้ยงบอล การยิงสามคะแนน และ การเล่นคู่กับ Evan Mobley ดราฟท์อันดับ 2 ผู้ซึ่งเป็นตัวเต็ง Rookie Of The Year ในปีนี้

6 : Trae Young จาก Alanta Hawks

ยัง มีสถิติอยู่ที่ 27.8 คะแนน 3.8 รีบาวน์ 9.4 แอสซิสต์ ดูจากค่าเฉลี่ย ของทั้งคะแนนและแอสซิสต์ นั้นถือว่าสูงมาก ยัง ถือเป็นหัวใจของทีม แอตแลนต้า ฮอว์ก ในตอนนี้เลย ทั้งการชู้ต 3 แต้มจากระยะไกล การเล่น Pick and Roll กับเพื่อนในทีม การไดร์ฟเข้าหาห่วง ถือว่าเป็นระดับท็อปของ NBA ตอนนี้เลย

5 : James Harden จาก Philadelphia 76ers

ฮาร์เด้น มีสถิติอยู่ที่ 22.7 คะแนน 7.9 รีบาวน์ 10.4 แอสซิสต์ นี่คือผู้เล่นระดับ MVP อย่างแท้จริง เขาทำได้ทั้งเป็นตัวจ่ายบอลให้เพื่อน ยิงระยะกลาง ยิงระยะไกล ไดร์ฟเข้าห่วงไปเรียกฟาวด์ สมกับเป็น MVP ในปี 2019-2020 ซึ่งในตอนนี้ก็ยังคงร้อนแรงอยู่

พนันบอลออนไลน์

ข่าวกีฬารอบโลกวันนี้

ข่าวกีฬารอบโลกวันนี้ อันดับ นักบาส NBA อันดับ 4 และ 3

4 : Luca Doncic จาก Dallas Maverick

ลูก้า มีสถิติอยู่ที่ 28 คะแนน 9.3 รีบาวน์ 8.8 แอสซิสต์ ลูก้าได้ขนานนามว่า จะเป็นผู้ครอบครองบัลลังค์ NBA ต่อจากยุค เลอบอรน เจมส์ เคอร์รี่ และ ดูแรนท์ ชายหนุ่มที่ครบเครื่องทุกอย่าง ทั้งยิงไกล ไดร์ฟเข้าใน การจ่ายและที่สำคัญยังตัวใหญ่อีก ดูจากสถิติ ก็น่าจะเป็นเครื่อง การันตรีได้เลยว่า เขาจะยิ่งใหญ่ในวงการ NBA อย่างแน่นอน

ข่าวกีฬาฟุตบอลวันนี้

3 : Nikola Jokic จาก Denver Nuggets

โยคิช มีสถิติอยู่ที่ 25.9 คะแนน 13.8 รีบาวน์ 8.1 แอสซิสต์ ใครจะไปคิดว่าผู้เล่น เซ็นเตอร์ จะออกมาเล่นแทนการ์ดได้ โยคิช ถือเป็นนักบาสยอดพรสวรรค์ 1 คน ในวงการ NBA และเป็นตัวเต็ง MVP ในปี้นี้อีกด้วย ซึ่งปีที่แล้ว เขาก็ได้รับรางวัลนี้ไป

ข่าวกีฬารอบโลกวันนี้

ปิดท้ายกับ เพลย์เมคเกอร์ NBA ในอันดับที่ 2 และ 1 

2 : Lebron James จาก La Lakers

สำหรับ คิงเจมส์ เราคงไม่ต้องสารยายอะไรมาก มีสถิติอยู่ที่ 29.4 คะแนน 8.1 รีบาวน์ 6.2 แอสซิสต์ แม้จะอายุ 37 ปีเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังคงเล่นได้สม่ำเสมอ สภาพร่างกายยังคงสมบูรณ์ สมกับเป็น นักบาสที่ดีที่สุดแห่งยุคสมัยนี้

1 : Chris Paul : Phoenix Suns

มาถึงอันดับที่ 1 ” Point God ” คริส พอล มีสถิติอยู่ที่ 14.9 คะแนน 4.5 รีบาวน์ 10.7 แอสซิสต์ เรื่องสถิติอาจจะดูน้อยกว่าหลายๆคน แต่พอลคือคนที่ยกระดับทีม Suns ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด การควบคุมเกมของเขา ถือว่าดีที่สุดใน NBA เลยก็ว่าได้ การดึงจังหวะ วิชั่นการจ่าย ถือว่าสุดยอด และยังมีลูกยิงระดับ Mid-Range ที่แม่นมากๆอีกด้วย

บทความกีฬาที่น่าสนใจ

 

 

ข่าวกีฬาฟุตบอล รอย คีน ตำนานกัปตันทีมผู้ทรงอิทธิพลของทัพปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ข่าวกีฬาฟุตบอล

ข่าวกีฬาฟุตบอล แข้งจอมโหดพันธ์ดุ รอย คีน สุดยอดตำนานกัปตันทีมแห่งสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ข่าวกีฬาฟุตบอล บทความกีฬาที่น่าสนใจ รอย คีน (Roy Keane) หากกล่าวถึงการเล่นฟุตบอลสไตล์อังกฤษในยุค 90 คงไม่มีนักเตะคนไหน เล่นบอลด้วยความอย่าง โหดเหี้ยม ดุดัน เดือดดาล เท่ากับตำนานกับตันทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างรอยคีนอีกแล้ว

มึงกับกูเจอกันในสนาม วาทะกรรมอันเรื่องลือในการเจอกับคู่แข่งที่เป็นที่เล่าขานต่อ ๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน ถึงความดุร้าย ป่าเถื่อนเปรียบเสมือนสัตว์ป่าอันบ้าคลั่ง ของยอดกับตันที่ทุกทีมบนโลกอยากมี

ชายผู้ที่ในเวลานั้นสวมปลอกแขนกัปตันทีม ในช่วงที่ แมนยู ฯ ครองบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ชายผู้ที่ไม่ได้มีทักษะเทคนิคทางฟุตบอลดีเลิศ เหมือนอย่างสุดยอดแข้งเวทมนต์มหัศจรรย์ในตำนานทีมชาติ ฝรั่งเศส ซีเนดีน ซีดาน

ชายผู้ไม่ได้มีคลาสทักษะยิงไกลดีเหมือนอย่างตำนานศิลปินลูกหนังทีมชาติ อิตาลี อันเดรอา ปีร์โล มีแต่ความบ้าระห่ำ จุดเดือดต่ำ ที่พร้อมยอมตายดีกว่ายอมแพ้ และที่แมนยู ฯ ก็ไม่มีนักเตะคนไหนคู่ควรที่จะสวมปลอกแขนกับตันทีมอย่างรอยคีนอีกแล้ว

ข่าวกีฬาฟุตบอล

ข่าวกีฬาฟุตบอล รอย คีน กัปตันทีมผู้ทรงอิทธิพลในสนาม และผู้ที่ได้รับการยกย่องจากตำนานนักเตะ

รอยคีนคือคนที่ชี้หน้าด่า ปาทรึ วิเอร่า ตำนานกัปตันทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล เพื่อปกป้องลูกทีมของเขาในอุโมงค์สนาม ไฮบิวรี่ ซึ่งวิเอร่าได้กล่าวถึงรอยคีนว่า เมื่อรอยคีนโดนไล่เตะ เขาจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น แต่เขาจะหวดกลับในทันที และนี่เป็นสิ่งวิเอร่าชื่นชอบที่สุด

ตำนานกับตันทีมลิเวอร์พูลอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด ได้กล่าวถึงรอยคีนว่า เป็นนักฟุตบอลที่แตกต่างกว่าใคร ๆ และอยากลงเล่นในทีมเดียวกันด้วยสักครั้งในชีวิต

เธียรี่ อองรี ตำนานกองหน้าของอาร์เซน่อล บอกว่า เขานั้นเป็นแฟนพันธ์แท้ของรอยคีน เดรอสซี่ กองกลางจอมเก๋าแห่งทัพหมาป่ากรุงโรม บอกว่า รอยคีนคือนักเตะคนเดียวในโลกที่เขาขอถ่ายรูปคู่ด้วย

เอริค คันโตน่า ตำนานศูนย์หน้าทีมปีศาจแดง บอกว่า ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เล่นฟุตบอลร่วมกับรอยคีน อลัน เชียเรอร์ สุดยอดกองหน้าทีมชาติ อังกฤษ บอกว่า รอยคีนคือนักรบผู้ยิ่งใหญ่บนผืนหญ้า

ผู้ตัดสินในตำนานอย่าง มาร์ค แคลทเทนเบิร์ก ยอมรับว่าตัวเขานั้นปอดแหกไปในทันที เมื่อต้องเจอกับรอยคีน ครั้งหนึ่งในเกมส์การตัดสิน เป็นลูกเซ็ทพีชตั้งเตะจากประตู แต่รอยคีนได้ตะโกนว่าเป็นลูกเตะมุม เขานั้นถึงกับต้องเปลี่ยนการตัดสินให้เป็นลูกเตะมุมในทันที

ข่าวกีฬาฟุตบอล

รอยคีน สโมสรสำคัญกว่าตัวผม

รอยคีน ชายผู้เปรียบเสมือนจิตวิญญาณของแมนยู ฯ ชายผู้เป็นตัวแทนแห่งความเป็นผู้นำ ชายผู้ที่เล่นฟุตบอลอย่างถวายหัวอย่างสุดชีวิต เพื่อตราสโมสรที่อยู่บนหน้าอก

ในเกมส์การแข่งขันรอบรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ปี 1999 ที่แมนยู ฯ ต้องมาเจอกับยอดทีมจากอิตาลีอย่าง ยูเวนตุส และรอยคีนต้องตามประกบนักเตะอันดับหนึ่งของโลกในเวลานั้นอย่าง ซีดาน

ยูเวนตุสเป็นฝ่ายทำประตูขึ้นนำ 2 – 0 เพียงเวลา 11 นาทีเท่านั้น จนกระทั่งนาทีที่ 24 รอยคีนทำประตูตีตื้นขึ้นมาเป็น 2 – 1 จากลูกโหม่ง เจ้าตัวได้ตะโกนแหกปากกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม เพื่อให้ทีมกลับมาสู้เพื่อชัยชนะ

รอยคีนตัดสินใจเสียบสกัดจากทางด้านหลังของซีดาน ทั้งที่รู้ว่าตัวเองมีใบเหลืองติดตัว และจะไม่สามารถลงแข่งขันในนัดชิงชนะเลิศได้ แต่รอยคีนก็ยอมแลกเพื่อที่จะส่งทีมเข้าไปแข่งในรอบชิง

ซึ่งแมนยู ฯ สามารถเอาชนะยูเว่ ฯ ไปด้วยสกอร์ 3 – 2 จากการเหลือผู้เล่นในสนามเพียง 10 คนเท่านั้น โดยรอยคีนได้กล่าวเอาไว้แบบนี้ว่า จะให้ผมยอมแพ้นะเหรอ ไม่มีวันหรอกนะ ผมสู้เพื่อสโมสรแห่งนี้ มันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ มันคือหน้าที่ของผม สโมสรแห่งนี้คู่ควรกับการเข้าไปเล่นในนัดชิงชนะเลิศ

ในนัดชิงชนะเลิศปีศาจแดงสามารถคว้าถ้วยแชมป์มาครองได้สำเร็จ โดยไม่มียอดกับตันทีมอย่างรอยคีน และเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้กล่าวยกย่องนักเตะคนนี้ว่า

รอยคีนคือนักเตะที่ยอมวิ่งจนตายดีกว่ายอมแพ้ เป็นการเล่นที่ยิ่งใหญ่และไม่มีความเห็นแก่ตัวในการเล่นฟุตบอล ตั้งแต่เขาเคยเห็นมา และเป็นเกียรติอย่างมาก ที่ได้ร่วมงานกับนักฟุตบอลคนนี้

ประวัติรอยคีน

ชื่อเต็ม รอย มอรีช คีน (ROY Maurice Keane) เกิดวันที่ 10 สิงหาคม 1971 ประเทศ ไอร์แลนด์ ครอบครัวของรอยคีนเป็นแฟนพันธ์แท้ของทีมฟุตบอลสโมสรจากอังกฤษ สเปอร์ส และทีมจากสกอตแลนด์ เซลติก อีกทั้งรอยคีนยังชื่นชอบกีฬาชกมวยเป็นพิเศษอีกด้วย

เมื่ออายุ 9 รอยคีนกำลังพัฒนาเป็นนักฟุตบอลโดยฝึกซ้อมกับทีมเยาวชนของร็อคเมาท์ ซึ่งรอยคีนโชว์ศักยภาพของเจ้าตัวออกมาตั้งแต่เด็ก ด้วยการได้รับโหวตให้เป็น ผู้เล่นแห่งปี ในการแข่งขันฤดูกาลแรก

ในปี 1989 รอยคีนวัย 18 ปี ได้เซ็นสัญญาอาชีพกับสโมสร โคบห์แรมเบลอร์ส เอฟซี ต่อมาในศึกการแข่งขัน รายการ เอฟเอไอ ยูทคัพ ที่ต้องเจอกับทีม เบลวาเดียร์ รอยคีนโชว์ฟอร์มได้เป็นอย่างดี จนเข้าตาแมวมองของทีมสโมสร น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

จากนั้นรอยคีนได้ถูกเชิญเข้าไปทดสอบฝีเท้า และทำให้เจ้าตัวได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมด้วยค่าตัว 47,000 ปอนด์ ในปี 1990 ถือเป็นการค้าแข้งในลีกต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต

รอยคีนพบว่าการใช้ชีวิตในต่างแดนกับทีมน็อตติ้งแฮมเป็นเรื่องที่ยาก เพราะต้องอยู่ห่างจากครอบครัวเป็นเวลานาน และรอยคีนมักจะขอสโมสรกลับไปหาครอบครัวที่ไอร์แลนด์อยู่เป็นประจำ

ในช่วงปีแรกรอยคีนลงเล่นให้กับทีมสำรอง U21 ต่อมาในปี 1991 โค้ชได้ดึงตัวขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ และต้องแข่งขันกับทีมแมนยู ฯ ในนัดชองชนะเลิศ ลีกคัพ ซึ่งในนัดนี้น็อตติ้งแฮมพ่ายแพ้ไป 0 – 1 และจบฤดูกาลด้วยการตกชั้น

ซึ่งรอยคีนทำผลงานด้วยการลงสนามไปทั้งหมด 49 นัด ยิงประตูได้ 11 ประตู รวมทุกรายการ ฝีเท้าของรอยคีนพัฒนาขึ้นมาก ทำให้ยอดบรมกุนซืออย่างเฟอร์กูสัน ฉวยโอกาสคว้าตัวรอยคีนมาร่วมทัพปีศาจแดง

ซึ่งรอยคีนชื่นชอบผู้เล่นอย่าง ไบรอัน ร็อบสัน กับตันทีมแมนยู ฯ ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก และตอบรับย้ายร่วมทีมด้วยค่าตัว 3.75 ล้านปอนด์

ร็อบสันเข้าสู่ช่วงท้ายของอาชีพนักฟุตบอล เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถลงแข่งขันได้ในฤดูกาล 1992 – 1993 หลังจากจบการแข่งขันของฤดูกาล ร็อบสันได้ประกาศอำลาอาชีนักฟุตบอล ด้วยอายุ 36 ปี ทำให้ปลอกแขนกัปตันทีมตกมาอยู่ในมือของศูนย์หน้าจอมถล่มประตูอย่าง เอริก ก็องโตนา

ในฤดูกาล 1993 – 1994 รอยคีนลงแข่งขันเกมส์แรกในสีเสื้อปีศาจแดง ซึ่งต้องเจอกับทีมเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในนัดนี้รอยคีนโชว์ฟอร์มในนัดเปิดตัวได้อย่างร้อนแรง ด้วยการยิงประตู 2 ลูก ทำให้แมนยู ฯ เอาชนะไปด้วยสกอร์ 3 – 0

หลังจากจบฤดูกาล 1997 – 1998 ก็องโตนาประกาศแขวนสตั๊ด ทำเอาแฟนผีช็อคไปทั้งโลก ทำให้ป๋าเฟอร์กี้จำเป็นต้องหากัปตันทีมคนใหม่ และคนที่เหมาะสมที่สุดก็คือรอยคีน แต่เจ้าตัวก็ต้องพบกับความโชคร้าย เพราะได้รับบาดเจ็บในเกมส์แข่งขันกับทีมลีดส์ยูไนเต็ด

ทำให้รอยคีนลงสนามไปเพียงแค่ 9 นัดเท่านั้น และต้องพักรักษาตัวไปตลอดทั้งฤดูกาล และหลังจากที่หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาด้วยสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์

รอยคีนกลับมาโชวฟอร์มบนผืนหญ้าอีกครั้งในฤดูกาล 1998 – 1999 เป็นกำลังหลักตัดสินแดนกลางช่วยพาทัพปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผงาดคว้าทริปเปิลแชมป์ ด้วยการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลัก แชมป์ เอฟเอคัพ และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

ข่าวสารกีฬาเอ็กซ์ตรีม ที่กำลังเป็นกระแสนิยม

ข่าวสารกีฬาเอ็กซ์ตรีม

ข่าวสารกีฬาเอ็กซ์ตรีม

ข่าวสารกีฬาเอ็กซ์ตรีม ปัจจุบันกีฬาประเภทนี้ ได้รับความสนใจกันมาก ในทั้งเด็ก และหรือผู้ใหญ่ เป็นจำนวนมาก

มาทำความรู้จักกับกีฬาประเภทนี้กันดีกว่า บทความ นี้จะอธิบายกีฬาประเภทนี้ ให้เข้าใจคร่าว ๆ ให้เข้าใจเบื้องต้น เนื่องจาก

Extreme sports กีฬาประเภทนี้ เป็นการเล่นที่ต้องใช้ พลัง และกีฬาประเภทนี้ ค่อนข้างที่จะเสี่ยง ตื่นเต้น และ ท้าทาย ถือว่าเป็นการเล่น ที่บ้าบิ่น

สำหรับ พวกที่มีพลังเยอะ หลุดกรอบ หลุดจากอะไรเดิม ๆ อีกทั้ง ต้องใจรักในการเล่น และทำการฝึกฝนในการเล่นนี้ ให้เกิดความชำนาญ อีกด้วย

เพราะการเล่นกีฬาประเภทนี้ มีหลายชนิด อาจจะต้อง มี อุปกรณ์กีฬา extreme
เข้ามา เกี่ยวข้องในการเล่น ผู้เล่นกีฬาประเภทนี้

จะต้องมีความชำนาญ เป็นอย่างมากเลยทีเดียว เมื่อก่อน การเล่นพวกนี้จะฮิตมาก ในพวกต่างชาติ ที่เดินทางมา ท่องเที่ยว ที่ประเทศไทย

เพราะว่า มีสถานที่เล่นจะเห็นได้ง่าย ๆ เลยคือ การขับรถมอเตอร์ครอส การปีนหน้าผาจำลอง การเล่นบันจี้จัมพ์ การปีนผา

เป็นการเล่นที่นิยมมาก ในแทบภาคใต้ตามชายฝั่งของไทย เพราะมีหน้าผา ทำให้การเล่นประเภทนี้ได้อรรถรส และแน่นอน

การเล่นประเภทนี้ย่อมใช้พลังมาก และเสี่ยงอันตราย ดังนั้น ผู้เล่นจะต้องฝึกฝน และตรวจความพร้อมของร่างกาย

เพราะต้องใช้ร่างกาย ทุกสัดส่วน ในการเล่น ซึ่งถือว่าเป็นการออกกำลังไปในตัว ได้ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนในการเล่น และได้ทำกิจกรรมที่สนุก และท้าทาย สำหรับพวกบ้าพลังกัน อย่างดีทีเดียว

อ่านเพิ่มเติม “ข่าวสารกีฬาเอ็กซ์ตรีม ที่กำลังเป็นกระแสนิยม”

สาระน่ารู้ เรื่องใกล้ตัว 2022 แรงบันดาลใจ ที่มาจากตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมา ให้เกิดในโลกความจริง

สาระน่ารู้ เรื่องใกล้ตัว 2022

สาระน่ารู้ เรื่องใกล้ตัว 2022 ชีวิตที่เหมือนภาพยนต์ มิเกล อัลมิร่อน Goal แห่งโลกความจริง

สาระน่ารู้ เรื่องใกล้ตัว 2022 เราอาจเคยได้ยินคำว่า ชีวิตเปรียบดังละคร แต่วันนี้ ชีวิตก็เปรียบดังภาพยนต์ใหญ่ยักษ์ได้ คงไม่แปลกที่มี ภาพยนต์หลายเรื่อง ที่โด่งดัง สร้างมาจาก เรื่องจริง  แต่ส่วนมากก็ มาจากการดัดแปลง แต่น้อยครั้งที่ ชีวิตคนหนึ่งจะสนุก และ ลำบากมาก จนไปเหมือนหนังที่สร้างไว้ก่อนแล้ว ติดตาม บทความกีฬาที่น่าสนใจ

วันนี้ เราจะคุยถึงตวามบังเอิญ ของชีวิตเจ้าหนู มิเกล อัลมิร่อน ที่เดินทาง สู่นักฟุตบอลอาชีพ ในทีม สาลิกาดง นิวคาสเซิล เหมือนตัวเอก ในหนังที่ชื่อ ซานติอาโก้ มูเนซ

14ปี ที่ชีวิต มิเกล อัลมิร่อน เดินตามรอย ซานติอาโก้ มูเนซ พระเอกในหนังเรื่อง Goal ที่หนังมาก่อนชีวิตจริง

ตอนนี้ผ่านมาแล้ว 14 ปี มีนักฟุตบอลคนหนึ่งกำลังเดินตามรอย มูเนซ อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งเมื่อมาเปรียบเทียบกันก็ยิ่งพบว่าเส้นทางของ มิเกล อัลมิร่อน นักเตะที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรของ นิวคาสเซิล มีความคล้ายกันไม่น้อยเลยทีเดียว และนี่คือสิ่งที่หลายคนกำลังแซวกันว่า เขาคือ “ซานติอาโก้ มูเนซ แห่งโลกความจริง”

สาระน่ารู้ เรื่องใกล้ตัว 2022

เริ่มต้นจากความจน

อย่างที่ได้กล่าวในข้างต้น ซาติอาโก้ มูเนซ (ตัวเอกในภาพยนต์) ต้องทำงานเป็นคนขายแรงงานตั้งแต่อายุยังน้อยแต่ฝันจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ด้วยความเชื่อว่านอกจากจะมีชื่อเสียงแล้วมันยังทำให้เขามีรายได้ที่มากพอจะดูแลครอบครัวที่มี พ่อ, ย่า และน้องชาย

แต่สำหรับ มิเกล อัลมิร่อน  จุดเริ่มต้นตอนแรกอาจจะต่างกับ มูเนซ อยู่บ้างเพราะ อัลมิร่อน ไม่ได้มาจาก เม็กซิโก แต่เขาเป็นชาว ปารากวัย อย่างน้อยๆ ก็พอมีจุดเชื่อมอยู่บ้างเพราะทั้ง เม็กซิโก และ ปารากวัย ต่างก็ใช่ภาษาสเปนเป็นภาษากลางเหมือนกัน

จุดที่เหมือนกันอีกอย่างคือทั้งคู่มาจากครอบครัวที่มาฐานะยากจนเหมือนกัน อัลมิร่อน นั้นมีพ่อเป็นที่ทำหน้าที่เป็นยามที่ต้องทำงานถึงวันละ 18 ชั่วโมง ซึ่งการทำงานที่มากขนาดนี้สามารถส่งผลถึงชีวิตได้เลย (ซึ่งในภาพยนตร์ GOAL ก็สะท้อนถึงจุดนี้ผ่านพ่อของ ซานติอาโก้ ที่เสียชีวิตขณะรับจ้างจัดสวน) ขณะที่แม่ของเขาเป็นพนักงานร้านซูเปอร์มาเก็ตในเมือง อาซุนซิยง เมืองหลวงของ ปารากวัย ขณะที่ตัวของเขานั้นต้องทำงานในพาร์ทไทม์ในร้านอาหารจีน ดังนั้นฝันของเขาก็เหมือนกับ ซานติอาโก้ นั่นคือครอบครัวต้องได้ลืมตาอ้าปากด้วยฝีเท้าของเขา  

อัลมิร่อน อยู่ในทีมอคาเดมี่ของสโมสร เซร์โร่ ปอร์เตโน่ ทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในปารากวัย เมื่อเป็นเช่นนั้นการแข่งขันในทีมจึงสูงมาก เขาเข้าสู่ระบบอคาเดมีตอนอายุ 14 ปี แต่หลังจากฝึกได้ 2 ปี สโมสรมองว่า อัลมิร่อน ไม่ดีพอที่จะเล่นในทีมระดับยู 16 ได้จึงทำการจะยกเลิกสัญญา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นเขาคงต้องทำงานในร้านอาหารจีนไปตลอดชีวิต ในช่วง 1 สัปดาห์สุดท้ายก่อนหมดสัญญา เอร์นัน อาคุนญ่า โค้ชเยาวชนของ เซร์โร่ มองเห็นศักยภาพในตัวเขาและเดินไปเคลียร์กับสโมสรให้เองว่าเด็กคนนี้ต้องอยู่ต่อไป

การเริ่มต้นของทั้งคู่มีส่วนคล้ายกันตรงปูมหลังครอบครัวที่ยากลำบาก เพียงแต่ ซานติอาโก้ มูเนซ หนีเข้ามาในแอลเอ ตั้งแต่ยังเด็ก ต่างกับ อัลมิร่อน ที่พิสูจน์ตัวเองใน ปารากวัย ก่อนจึงค่อยย้ายไปเล่นใน อาร์เจนติน่า กับทีม ลานุส และสุดท้ายก็ได้ไปยังสหรัฐอเมริกาจริงๆ หลังจาก แอตแลนต้า ยูไนเต็ด คว้าตัวไปร่วมทีมด้วยราคาถึง 8 ล้านเหรียญสหรัฐ

ซานติอาโก้ หนีเข้า แอลเอ ส่วน อัลมิร่อน ย้ายแบบถูกกฎหมายไปยังเมือง แอตแลนต้า เมืองหลวงของรัฐจอร์เจีย ทั้ง 2 แห่งมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของประชาการในพื้นที่ แอลเอ เป็นเมืองที่มีผู้คนหลายเชื้อชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ โดยเฉพาะเชื้อสายละตินหรือ ฮิสแปนิก ที่มีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 47.5 ขณะที่คนผิวขาวเป็นคนส่วนน้อย ขณะที่ แอตแลนต้า มีประชากรกว่า 5.4 ล้านคน และยังคงต้อนรับผู้ย้ายถิ่นฐานจากทั่วประเทศและทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ยืนยันได้จากท่าอากาศยานนานาชาติ ฮาร์ทสฟิลด์-แจ็คสัน เป็นสนามบินที่คึกคักที่สุดในโลกเมื่อเทียบด้วยจำนวนผู้โดยสาร สนามบินแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางบริการขนส่งด้วยอากาศยานของสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเท่านั้น แต่ยังให้บริการสู่จุดหมายปลายทางกว่า 42 แห่งในลาตินอเมริกาอีกด้วย

 ซานติอาโก้ มูเนซ นั้นคือคนที่มีอเมริกันดรีมแบบเต็มอก แม้พ่อของเขาจะเพิ่งตั้งตัวได้และมีธุรกิจตกแต่งสวนเป็นของตัวเองเพื่อรองรับให้เขามาสานต่อ แต่เขาหวังอย่างเดียวคือต้องไปเล่นฟุตบอลในยุโรปให้ได้จนถึงขั้นแอบเก็บเงินไว้ในที่ลับ (รองเท้า) และมีความคิดที่ว่าหากเขามีเงินมากพอ เขาจะหนีพ่อไปคัดตัวเป็นนักฟุตบอลด้วยตัวเอง จนกระทั่งได้รับการช่วยเหลือจาก เกล็น ที่เป็นอดีตนักเตะของ นิวคาเซิล

ด้าน อัลมิร่อน นั้นเล่นให้กับ แอตแลนต้า ที่เป็นสโมสรเกิดใหม่ใน เมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำทีมคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จทั้งๆ ที่ลงแข่งขันในลีกนี้ได้เพียง 2 ปีเท่านั้น  แน่นอน เขาไม่คิดจะหยุดตัวเองอยู่กับแค่ เมเจอร์ลีก อยู่แล้ว การไปยุโรปคือฝันของเขา ณ ตอนแรกเขาก็ยังไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะไปทีมไหนหรอก เพียงแต่ว่า นิวคาสเซิล เป็นทีมแรกที่ติดต่อเข้ามาและพร้อมจะจ่ายค่าตัวถึง 22 ล้านปอนด์  อัลมิร่อน คิดอยู่พักใหญ่เพราะนักเตะละตินนั้นไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จในอังกฤษมากนัก จนกระทั่งเขามีผู้ช่วยเหลือและให้คำแนะนำจาก นิวคาสเซิล เหมือนกับที่ ซานติอาโก้ เคยได้รับ ซึ่งในส่วนของ อัลมิร่อน นั้นเป็น เดอันเดร เยดลิน นักเตะทีมชาติสหรัฐอเมริกาที่เคยเล่นใน เมเจอร์ลีก กับ ซีแอตเทิล ซาวน์เดอร์ส มาก่อน

สาระน่ารู้ เรื่องใกล้ตัว 2022

สาระน่ารู้ เรื่องใกล้ตัว 2022 นั่นคือเรากำลังบอกคุณว่า บางครั้งมันดูน่าแปลกแต่จริง ว่า สื่อมีอิทธิพลต่อเส้นทางชีวิต นักฟุตบอลหลายคน รวมถึง สร้างแรงบันดาลใจ

สุดท้าย ซานติอาโก้ มูเนซ ก็ไม่ต่างอะไรกับ กัปตันสึบาสะ วันที่ญี่ปุ่นมี ฮิเดโตชิ นากาตะ สีบาสะคือตัวการ์ตูนที่ สร้างแรงบันดาลใจ ให้เด็กๆในเส้นทางลูกหนังก่อน สุดท้ายกลายเป็นจริง

การจะเป็นนักฟุตบอล หลายคนอาจพึ่งพาแค่การฝึกซ้อมไม่ได้ กรณีมิเกล มันเป็นความบังเอิญที่ มาจากความ ปากกัด ตีนถีบ

แต่เรื่องที่น่าแปลกกว่า คือ ชีวิตนักฟุตบอลที่มาจากความลำบาก เอาเข้าจริงๆแล้ว ชีวิตจริงที่น่ารันทด และ น่าสนับสนุนนี่แหละ ที่เป็นต้นแบบให้ ตัวละครมากกว่า ก็เป็นได้

สาระน่ารู้ เรื่องใกล้ตัว 2022

มาถึงตรงนี้ ก็เหมือนคำถามว่า ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน แต่สุดท้ายเราปฏิเสธไม่ได้ว่า ความสำเร็จในเส้นทางฟุตบอล น้อยคนนักที่จะมาจาก ความสบาย

เขาถึงบอก ฟุตบอล คือ สงคราม ฟุตบอล คือ ชีวิต และ ชีวิต ก็วกกลับไปสร้างฟุตบอล เป็นวังวนสืบไป รุ่นสู่รุ่น วันหนึ่งลูกหลานเรา อาจไปเจอแรงบันดาลใจจากสื่อ ที่ไหนสักที่ จนเป็นนักเตะดังก็ได้นะครับ ใกล้ตัวกว่าที่เราคิดเสียอีก

                        “เด็กเนิร์ดสีส้ม”

แฟรงค์ แลมพาร์ด โคตรตำนานเชลซี

แฟรงค์ แลมพาร์ด

แฟรงค์ แลมพาร์ด โคตรตำนานเชลซี

แฟรงค์ แลมพาร์ด หากพูดถึง หนึ่งในกองกลาง ที่ดีที่สุด บนเกาะอังกฤษ เชื่อว่าต้องมี ชื่อของ แฟรงค์ แลมพาร์ดอย่างแน่นอน ยืนยันด้วย การที่เขาเป็นกองกลาง เพียงคนเดียว ที่ติดหนึ่ง ใน 10 คนที่ทำประตู ในพรีเมียร์ลีก ได้มากที่สุด โดยอีก 9 คนที่เหลือ เล่นตำแหน่ง กองหน้า ทั้งหมด เรามาทำความรู้จัก ยอดกองกลาง ตำนานของ สิงโตน้ำเงินคราม คนนี้กันหน่อย ติดตาม บทความกีฬาที่น่าสนใจ

แฟรงค์ แลมพาร์ด ประวัติของเด็กหนุ่ม ที่เกิดมา เพียบพร้อมทุกอย่าง 

แลมพาร์ด นั้นเกิดเมื่อวันที่  20 มิถุนายน 1978 ส่วนสูง 184 cm. เขาเกิด ที่เมืองหลวง อย่างลอนดอน และเกิดมาในตระกูล ของนักฟุตบอล คุณพ่อ ของเขา คือ แฟรงค์ แลมพาร์คซีเนียร์ อดีตปราการหลัง ทีมชาติอังกฤษ ลุงของเขาคือ แฮรี่ เรดแนปป์ ผู้จัดการทีม ชื่อที่ในขณะนั้น ดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการทีม ของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด โดยที่ตัว แลมพาร์ดนั้น จบการศึกษา ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน และเข้าเป็นนักเตะ เยาวชนของเวสต์แฮม ในปี 1993 และตัวเขาก็ทำผลงานได้ดี และได้ลงให้กับชุดใหญ่ในปี 1995 ถึง 1996 ไปไม่กี่นัด ก่อนจะถูกส่ง ตัวไปเก็บเกี่ยว ประสบการณ์ กับสวอนซี ลงให้หงส์ขาวไป 9 นัด ทำได้ 1 ประตู พอกลับมาในปีต่อมา ก็ลงให้เวสต์แฮมชุดใหญ่ไป 13 นัด ก่อนต้องพักยาว เพราะอาการ บาดเจ็บ พอมาถึงฤดูกาล 1997 ถึง 1998 เขาก็กลับมายึด ตัวจริงในแดนกลาง ได้สำเร็จ พร้อมกับมีเสียงจาก แฟนบอลขุนค้อนบางกลุ่ม ว่าเขาคือเด็กเส้น เพราะในขณะนั้น ลุงของเขา อย่าง แฮรี่ เรดแนปป์ ยังคงเป็น ผู้จัดการทีม อีกทั้ง คุณพ่อของเขา แฟรงค์ แลมพาร์ดซีเนียร์ ยังดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยอีกด้วย ข่าวที่ว่า แลมพาร์ดเป็นเด็กเส้น ของลุงและพ่อเริ่ม หนาหูขึ้นเรื่อย จนตัวเด็กน้อยแลมพาร์ดเอง เริ่มคิดมาก ลุงของเขาจึง พูดเรื่องนี้ ในวันที่ในนักข่าว สัมภาษณ์ว่า ตัวเขาไม่ได้เลือก นักเตะจากที่ว่า เขาเป็นลูกเต้าเร้าใคร แต่เป็นผลงานในสนาม และตอนซ้อม เขาทำได้ดีมาก เรดแนปป์กล่าว กับบรรดานักข่าว และแฟนๆขุนค้อน เขายังคงลงเล่น และเป็นตัวหลัก จนปี 2000ถึง2001 พ่อและลุง ของเขา ถูกปลดจากตำแหน่ง ทำให้เจ้าตัว ไม่มีความสุขกับต้นสังกัด และเป็น รานิเอรี่ กุนซือของเชลซี ณ ตอนนั้น เสนอเงิน 11 ล้าน เพื่อดึงตัวเขาไปร่วมทัพ

แฟรงค์ แลมพาร์ด

เส้นทางสู่ ความเป็นตำนาน

ในวันที่ 14 มิถุนายน 2001 แลมพาร์ดย้ายมา สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ โดยช่วงแรกเขา เล่นคู่กับ เปอตี ในแดนกลาง แบะพาเชลซีเข้าชิง กับอาเซ่นอล ในถ้วยเอฟเอคัฟ ก่อนจะพ่าย ให้ปืนใหญ่น่าเจ็บใจ และในปีนี้ตัวเขาก็ไม่มีชื่อติดไป ลุยฟุตบอลโลก ที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ หลังจากนั้นเขา ก็ทำผลงานได้ดีมาโดยตลอด โดยพาทีมจบ หัวตารางคะแนนได้ตลอด จนในปี 2004 เชลซีมีการเปลี่ยนแปลง ผู้จัดการทีม จากรานิเอรี่ มาเป็น โชเซ มูริญโญ่  เขาและเสี่ยหมี เปลี่ยนแปลงทีมครั้งใหญ่ โดยซื้อนักเตะ ซุปเปอร์สตาร์ดัง เข้ามาสู่ทีมมากมาย แต่แลมก็ยังคง เป็นแก่นหลัก ของทีมรวมดาราโลกอยู่ และในปีนี้นี่เอง ที่เชลซีก้าวขึ้้นมาคว้า แชมลีคสูงสุดได้สำเร็จ และยังเข้าไปถึงรอบรอง แชมเปี้ยนลีค และคว้าถ้วยมิกี้เม้า ลีคคัพ มาครองได้ ซีซั่น 2005 ถึง 2006 เขายังโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างสม่ำเสมอ พาต้นสังกัดขึ้นสู่จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ด้วยคะแนนท่วมท้น และยังยิงประตูอย่างต่อเนื่อง โดยทำลายสถิติลงสนามติดต่อกันยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ชิพของเดวิด เจมส์ที่ทำไว้ 159 นัดลงอย่างสิ้นเชิง โดยฤดูกาลนี้เขาทำได้ 20 ประตู เป็นประตูจากพรีเมียร์ลีก 16 ประตู จากการลงเตะ 35 นัด ซึ่งสูงที่สุดในบรรดากองกลางจาก พรีเมียรลีค และ 2 ประตูจากลีกคัพและอีก 2 ประตูจากยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และพาเชลซีได้แชมป์ พรีเมียรลีค อีกสมัย และเขายัง เป็นกองกลางที่ทำได้ 200ประตู  มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ของสโมสร และเป็นกองกลางคนที่สอง ต่อจาก แมททิว ทริกเซอร์ ที่ทำประตูได้มากกว่า 100 ประตู ในพรีเมียร์ลีก นอกจากนี้ แลมพาร์ดยังทำสถิติเป็นผู้เล่นคนเดียวที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีกเกิน 10 ประตู ได้ติดต่อกันถึง 9 ซีซั่น จนกระทั่งปี 2011 ถึง 2012 แลมพาร์ดก็พาเชลซี เข้าชิงถ้วยที่ใหญ่ ที่สุดของยุโรป อย่างแชมเปี้ยนลีคได้ และเอาชนะ บาเยริน มิวนิค ได้ด้วยการดวลจุดโทษตัดสิน นำถ้วยบิ๊กเอียร์ มาสู่ลอนดอนได้ เป็นสมัยแรกของสโ มสรและเจ้าตัว

งานเลี้ยงย่อม มีวันเลิกลา แต่ทั้งใจยังเป็นสีน้ำเงิน

ในปี 2014 แลมพาร์ดได้ย้าย ออกจากเชลซี ที่ๆเป็นทั้งบ้าน และทำให้เขาประสบความสำเร็จทุกอย่าง ในอาชีพการค้าแข้ง โดยลงให้กับเชลซีไป 429 นัด ยิงไปถึง 211 ประตู

เป็นดาวซัลโว่สูงสุดตลอดกาลของสโมสร โดยเขาย้ายไปร่วมทีม นิวยอร์ก ซิตี้ ทีมในอเมริกา แต่โชคชะตาเหมือนเล่นตลก กับกองกลางที่ทั้งใจมีแต่สีน้ำเงินรายนี้ โดยนิวยอร์ก ซิตี้ นั่นอยู่ในเครือเดียวกับ แมนซิตี้ ทีมดังในอังกฤษ

ทำให้แมนซิตี้ทำการขอยืม แลมพาร์ดให้กลับมายังอังกฤษ อีกครั้งทั้งที่ยังไม่ทันได้เล่นให้ นิวยอร์กเลยด้วยซ้ำ และที่ตลกร้ายกว่านั้น ในเกมที่พบกับเชลซี เขายังมาทำประตูใส่ทีมที่เขารักที่สุดได้อีกด้วย แต่ต้องนับถือหัวจิตหัวใจชายคนนี้จริงๆ

ด้วยความเป็นมืออาชีพของเขา เพราะเขาลงเล่นในนามของแมน ซิตี้ และแฟนๆสิงบลูห์ ก็มิอาจเกลียดชายคนนี้ลง เพราะทุกคนรู้ดี ว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ หรือจะที่ไหน ทั้งใจของชายผู้นี้ก็มีแต่เชลซี เลือดของเขาเป็นสีน้ำเงิน ด้วยซ้ำไป ในปีเดียวกันนั้นเอง

เขาก็ประกาศอำลาทีมชาติ โดยลงเล่นไป 106 นัด ยิง 29 ประตู ปิดตำนานที่ถูกกล่าวหา ว่าเล่นไม่ได้กับเจอร์ราด

แฟรงค์ แลมพาร์ด

บทบาทใหม่ในวงการ และการกลับมายังเดอะบริดส์อีกครั้ง

หลังจากที่เขาได้ประกาศ แขวนสตั๊ดเป็นที่เรียบร้อบ เขาก็เริ่มบทบาท หน้าที่ใหม่ในวงการฟุตบอล ด้วยการ ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม โดยทีมแรกที่เขามีโอกาสได้คุมคือสโมสร ดาร์บี้เคาร์ตี้ และเขาก็สามารถ ทำผลงานได้อย่างดีโดยการ พาแกะเขาเหล็ก จบที่4

และมีโอกาสเตะเพลย์ออฟ เพื่อที่จะขึ้นมาเล่นในลีคสูงสุด ก่อนที่จะผิดหวัง พ่ายแอดตันวิลล่าไป แต่โชคชะตาก็พาเขากลับบ้าน โดยในฤดูกาลที่ 2019 เชลซีประสบปัญหาโดยทางฟีฟ่า แบนห้ามซื้อขายนักเตะ

ทำให้ผู้จัดการทีมเก่ง ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำงาน เพราะด้วยสภาพของทีม หลายคนรู้ว่าถ้าทำได้ไม่มี เชลซีก็ไม่ลังเลที่ จะปลดออกในทันที สโมสรจึง เบนเข็มมาหาตำนาน อย่างแลมพาร์ด และเขาก็ไม่รอข้าตอบตกลงในทันที เพราะเขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

ตราบที่สโมสรแห่งนี้ต้องการเขา เขาจะกลับมาทำเพื่อทีมนี้ ทำเพื่อแฟนบอล ที่เขารัก และเขาก็ทำได้อย่างดี โดยการประคองให้เชลซี ที่มีแต่ดาวรุ่ง เพราะซื้อขายนักเตะไม่ได้ และเพิ่งจะเสียสตาร์ อย่าง เอเดน อาซาร์ไป จบที่ 4 ได้โควรต้าไปเตะถ้วยใหญ่ยุโรปได้ ก่อนที่ในซีซั่นถัดมา ผู้บริหารจะประชุมกัน และเห็นตรงกันว่า ถ้าทีมจะก้าวไปถึงถ้วยแชมป์

จะต้องใช้ ผู้จัดการ ที่มีประสบการณ์ มากกว่านี้ จึงปลดแลมพาร์ด ออกจากเก้าอี้ แต่เขาก็ไม่โกรธเลยแม้เเต่น้อย เขาเข้าใจ และเคารพการตัดสินใจของสโมสร แต่เมื่อใดที่สโมสรแห่งนี้ต้องการเขาอีก เขาก็พร้อม ที่จะกลับมาเสมอ เพราะเขาคือคนของที่นี่ หัวใจเขามีแต่สีน้ำเงิน และเขาจะเป็นตำนานของสิงโตน้ำครามตลอดไป

By เหลี่ยมโต๊ะ